หมออั้ม อิราวัต อารีกิจ จากบัณฑิตแพทย์สู่เส้นทางที่หลากหลาย

นายแพทย์ อิราวัต อารีกิจ หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อ หมออั้ม เป็นบุคคลที่เรียกได้ว่ามีบทบาทและเส้นทางชีวิตที่น่าสนใจและหลากหลายมิติ ตั้งแต่การเป็นบัณฑิตแพทย์ผู้มากความสามารถ ไปจนถึงการเป็นนักร้อง และนักเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมืองที่ผู้คนให้ความสนใจ

ประวัติ อั้ม อิราวัต

หมออั้มจบการศึกษาจาก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการแพทย์ชั้นนำของประเทศ ในช่วงที่เป็นนิสิตแพทย์ หมออั้มก็ฉายแววความเป็นผู้นำด้วยการดำรงตำแหน่ง ประธานนิสิตแพทย์จุฬาฯ 

หลังจากสำเร็จการศึกษาและได้เริ่มทำงานในฐานะแพทย์ได้ไม่นาน ด้วยความสามารถและความโดดเด่น ทำให้หมออั้มเคยได้รับการเสนอชื่อให้เป็น ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่สำคัญและก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในเส้นทางอาชีพแพทย์ ทว่า ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง โอกาสบนเส้นทางสายบันเทิงก็ได้เข้ามา ทำให้หมออั้มต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในการเลือกเส้นทางชีวิต

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับหมออั้มในฐานะนักร้อง ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและเป็นเอกลักษณ์ หมออั้มก้าวเข้าสู่วงการเพลงในแนวเพลง Easy listening ภายใต้สังกัด อะบอริจินส์ ในเครือ อาร์.เอส. ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ก่อนจะมาเป็นนักร้องอย่างเต็มตัว หมออั้มก็เคยแสดงศักยภาพทางดนตรีด้วยการคว้ารางวัล นักร้องดีเด่นแห่ง CU Singing Contest ปี 2542 และยังเคยเป็น นักร้องนำวงดนตรีแพทย์ศาสตร์บัณฑิตจุฬาฯ อีกด้วย

ในปี 2548 หมออั้มได้มีอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกในชื่อ “Um Irawat” (อั้ม อิราวัต) ซึ่งมีเพลงที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง อาทิ “น้ำตามหาสมุทร” และ “หัวใจโกหกไม่เป็น” ซึ่งเพลงเหล่านี้ยังคงเป็นที่จดจำและเป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลงจนถึงปัจจุบัน

นอกเหนือจากบทบาทในวงการแพทย์และบันเทิงแล้ว หมออั้มยังเป็นที่รู้จักในฐานะบุคคลที่มักจะออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียส่วนตัวในประเด็นต่างๆ ทั้งเรื่องการเมือง สังคม และบันเทิง ซึ่งทำให้หมออั้มมักจะเป็นที่จับตามองและมีประเด็นข่าวอยู่เสมอ การแสดงออกที่ตรงไปตรงมาทำให้หมออั้มเป็นที่รู้จักในฐานะนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและสังคมคนหนึ่ง

ปัจจุบัน หมออั้มยังคงเป็นบุคคลที่ได้รับความสนใจและติดตามจากสาธารณะชนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะในบทบาทใดก็ตาม หมออั้ม อิราวัต อารีกิจ ก็ยังคงเป็นบุคคลที่มีสีสันและเป็นที่พูดถึงในสังคมไทยอยู่เสมอ