ประวัติ ดีเจเตเต้ “วราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์” โศกนาฏกรรมรักสามเส้าจากอำนาจมืด

ดีเจเตเต้

นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือที่รู้จักกันในนาม ดีเจเตเต้ ดีเจหนุ่มวัย 33 ปี ผู้สร้างสีสันและความสุขผ่านเสียงเพลงในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้จากไปอย่างกะทันหันและน่าเศร้า สร้างความตกตะลึงและความเสียใจให้กับครอบครัว เพื่อนฝูง และผู้ที่เคยรู้จักคุ้นเคยกับเขา

ประวัติ ดีเจเตเต้ หรือ วราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์

ดีเจเตเต้ ผู้มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ตำบลบัวบาน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ เข้ามาทำงานเป็นดีเจในจังหวัดกาญจนบุรี และเป็นที่รักใคร่ของผู้ที่ได้สัมผัสกับอัธยาศัยที่เป็นมิตรและอารมณ์ขันของเขา ทุกค่ำคืนในผับที่เขาประจำการ เสียงเพลงที่เขาเปิดบรรเลงสร้างความสนุกสนานและเป็นที่ชื่นชอบของนักเที่ยวราตรี

ทว่า ความสุขและเสียงเพลงต้องจบลงอย่างไม่คาดฝัน ในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 03:53 น. กล้องวงจรปิดได้บันทึกภาพเหตุการณ์อันน่าตกใจ เมื่อรถยนต์ของดีเจเตเต้ถูกรถกระบะสีขาวและรถเก๋งสีดำประกบหน้าผับ จากนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ได้ลงจากรถและทำการลากตัวดีเจหนุ่มขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว การกระทำอันอุกอาจนี้ได้นำไปสู่การหายตัวไปของดีเจเตเต้ สร้างความกังวลใจและความร้อนรนให้กับคนใกล้ชิดที่พยายามทุกวิถีทางในการติดตามหา

ความหวังที่จะได้พบดีเจเตเต้ยังมีชีวิตอยู่ได้ดับลงอย่างแสนสาหัส เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2568 มีผู้พบศพของเขาในสภาพถูกมัดมือไพล่หลังและถูกยิงที่ศีรษะถึงสองนัด ในพื้นที่ป่าของหมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี การพบศพในสภาพเช่นนี้บ่งบอกถึงความโหดร้ายของผู้ก่อเหตุ และสร้างความโศกเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้งให้กับครอบครัวและผู้ที่ทราบข่าว

จากการสืบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการสันนิษฐานถึงมูลเหตุของการฆาตกรรมอันน่าสลดใจนี้ โดยพุ่งเป้าไปที่ประเด็นความขัดแย้งเรื่องชู้สาว เนื่องจากดีเจเตเต้มีความสนิทสนมกับหญิงสาวชื่อน้ำ ซึ่งเป็นแฟนของนายมุ้ย พ่อค้ายารายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และเป็นบุคคลที่มีหมายจับติดตัวอยู่

ภายหลังการสืบสวนอย่างเข้มข้น ศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับแก๊งอุ้มฆ่าดีเจเตเต้แล้วจำนวน 4 ราย โดยตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ซ่อนเร้นศพ, ลักทรัพย์ และคดีอาวุธปืน ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 1 ราย และกำลังเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

การจากไปของดีเจเตเต้ ถือเป็นการสูญเสียบุคคลที่มีชีวิตชีวาและสร้างความสุขให้กับผู้อื่น การเสียชีวิตของเขาไม่เพียงแต่สร้างความโศกเศร้าให้กับคนใกล้ชิดเท่านั้น แต่ยังเป็นอุทาหรณ์ถึงความรุนแรงและภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากความขัดแย้งส่วนตัว

เรื่องราวของดีเจเตเต้ ได้กลายเป็นโศนาฏกรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และการป้องกันปัญหาอาชญากรรมในสังคม เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียเช่นนี้ขึ้นอีก ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและเพื่อนฝูงของดีเจเตเต้ และหวังว่ากระบวนการยุติธรรมจะนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็วที่สุด