บีม พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงไทย

ประวัติ บีม พิมพิชยา

ประวัติ บีม พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงไทย

พิมพิชยา ก๊กรัมย์ หรือที่แฟนๆ กีฬาวอลเลย์บอลรู้จักกันในชื่อ “บีม” เกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2541 ณ จังหวัดบุรีรัมย์ เด็กสาวจากแดนอีสานผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และความมุ่งมั่น ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นตำแหน่งตัวตบตรงข้ามหัวเสาที่โดดเด่นที่สุดของประเทศไทย ด้วยส่วนสูง 180 เซนติเมตร และทักษะการตบที่หนักหน่วง ทำให้เธอเป็นกำลังหลักของทีมชาติไทยและสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ

เส้นทางบนถนนลูกยางของ “บีม” เริ่มต้นจากการได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนทีมชาติไทยในระดับเยาวชน โดยเธอได้เข้าร่วมการแข่งขันวอลเลย์บอลเยาวชนหญิงชิงแชมป์เอเชียถึงสองครั้งในปี พ.ศ. 2557 ที่ไต้หวัน และประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการบ่มเพาะประสบการณ์และความสามารถของเธอ

ในปี พ.ศ. 2558 ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในอาชีพนักกีฬา เมื่อเธอถูกเรียกตัวเข้าสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ และด้วยศักยภาพที่ฉายแวว ทำให้เธอสามารถยึดตำแหน่งตัวหลักได้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นขุมกำลังสำคัญในการสร้างสรรค์เกมรุกให้กับทีมชาติไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา

นอกจากการเป็นกำลังหลักให้กับทีมชาติไทยแล้ว “บีม” ยังได้มีโอกาสสั่งสมประสบการณ์ในลีกต่างประเทศ โดยปัจจุบันเธอค้าแข้งอยู่กับสโมสรคูโรเบะ อควาแฟรีส์ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นลีกที่มีการแข่งขันสูงและช่วยพัฒนาฝีมือของเธอให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น

และล่าสุด ในฤดูกาล 2024-25 “บีม พิมพิชยา” ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการวอลเลย์บอลไทย ด้วยการเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงไทยคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศเยอรมนีกับทีม SSC Palmberg Schwerin ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถและความทุ่มเทของเธอในระดับสากล

ตลอดเส้นทางการเป็นนักกีฬา “บีม พิมพิชยา” ยังได้รับการยอมรับในวงกว้างและได้รับรางวัลส่วนตัวมากมาย ซึ่งเป็นเครื่องการันตีถึงความสามารถอันโดดเด่นของเธอ อาทิ รางวัล “ตัวตบตรงข้ามหัวเสายอดเยี่ยม” จากรายการต่างๆ ทั้งในระดับเยาวชนและระดับชาติ รวมถึงรางวัล “ผู้เล่นทรงคุณค่า” และรางวัลพิเศษ “ขวัญใจมหาชน”

จากเด็กสาวชาวบุรีรัมย์ สู่ดาวตบลูกยางระดับแถวหน้าของเอเชีย และล่าสุดกับการสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ลีกในยุโรป “บีม พิมพิชยา ก๊กรัมย์” ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความสามารถ และจิตใจที่ไม่ย่อท้อ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬารุ่นใหม่และเป็นความภาคภูมิใจของวงการกีฬาวอลเลย์บอลไทยอย่างแท้จริง